Informal Dialogue



มาการ์เร็ต วีทเล่ย์บอกว่า

คนที่มีความเครียดจะสูญเสียความสามารถในการมองเห็นแบบแผนของปรากฎการณ์ และไม่สามารถมองเห็นภาพที่ใหญ่ขึ้น และเมื่อคนถูกถมทับด้วยงานอันท่วมท้น พวกเขาไม่มีเวลาหรือความสนใจที่จะมองให้ไกลไปกว่าสิ่งที่พวกเขาต้องทำในแต่ละสถานการณ์ ดังนั้น มันจึงสำคัญที่องค์กรจะต้องมีกระบวนการนำพาคนให้ได้หันหน้าเข้าหากันเพื่อที่พวกเขาจะได้เรียนรู้มุมมองและความท้าทายที่แต่ละคนกำลังประสบ ถ้าองค์กรไม่เอื้อให้กระบวนการนี้เกิดขึ้น คนจะละห่างจากกันและกลับไปหาตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ การถดถอยกลับไปหาตัวเองมีผลเสียต่อประสิทธิภาพการทำงาน คนจะถูกงานท่วมตัว พวกเขาสูญเสียความรู้สึกที่เขามีความหมายต่องาน และรู้สึกว่าถูกตัดขาดจากผู้อื่นและอยู่อย่างโดดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนยุ่งมากขึ้นและวิตกกังวลมากขึ้น แต่สิ่งที่พวกเขาผลิตทำกลับเพิ่มความเครียดยิ่งขึ้น เมื่อผู้คนสูญเสียการรับรู้ถึงบริบทที่กว้างออกไปของการทำงาน ผลเสียที่ร้ายแรงอื่นคือระดับสติปัญญาของทั้งพนักงานและองค์กรโดยรวมลดลงอย่างมาก

กระบวนการที่จะนำคนเข้าหากันต้องเป็นลักษณะที่ไม่เป็นทางการ คนต้องการความเป็นทางการที่น้อยลงและต้องการความสนุกสนานมากขึ้น พวกเขาต้องการเวลาที่จะปลดปล่อยแรงกดดันและมีความผ่อนคลายพอที่จะสามารถรับฟังกันและกัน กระบวนการเช่นการสนทนาและเรื่องเล่า ช่วยเชื่อมโยงเราในระดับลึกที่ไม่สามารถทำได้จากการใช้แผนภูมิและการนำเสนอจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่คนมักไม่ค่อยรู้ตัวว่าพวกเขาต้องการเวลาเช่นนี้เพียงใด และมักต่อต้านต่อการพบปะกันอย่างไม่เป็นทางการ จนกระทั่งพวกเขาได้มาร่วมสักครั้งหนึ่งและได้ฉุกคิดถึงสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตพวกเขามาตลอด

จาก Finding Our Way, ดร. กิจจา แปล (ได้รับการอนุญาตแล้ว)

No comments:

Post a Comment

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...